18:04
0

 เวลา 10.00 น. วันที่ 20 พ.ย. ร.ต.ท.สุรศักดิ์ สุวรรณศักดิ์ พนักงานสอบสวนเวร สถานีตำรวจภูธรเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ รับแจ้งจากชุดกู้ภัยเชียงดาวว่ามีคนผูกคอตาย ที่บ้านหลังหนึ่ง ตำบลเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อไปตรวจสอบพบศพนายทวี (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี สภาพแขวนคอตัวเองกับขื่อบ้านเสียชีวิต ใกล้กันมีเตียงคนป่วยนอนชักน้ำลายฟูมปาก ทาง ร.ต.ท.สุรศักดิ์ ได้เข้าทำการตรวจสอบพบเอกสารลาตายเขียนอยู่หลายหน้า จึงทราบว่านายทวี ผู้ตายเป็นพ่อของนายธีรศักดิ์ อายุ 21 ปี

 โดยผู้เป็นพ่อได้นำ ยาพิษกรอกปากลูกชายตนเอง ซึ่งนอนป่วยเป็นอัมพาตช่วยตนเองไม่ได้ เพื่อต้องการให้ลูกชายตาย เพื่อจะได้ไม่ทรมาน และเป็นภาระกับครอบครัว ส่วนตัวเองก็ได้กรอกยาพิษเข้าปาก แต่กลัวไม่ตาย จึงได้แขวนคอตัวเองอีก เพื่อให้ตายชดใช้ความผิดทางกฎหมายที่ฆ่าลูก ทั้งนี้ทางแพทย์ได้เข้ามาร่วมในการตรวจ ได้ทำการช่วยเหลือลูกชาย โดยนำตัวไปล้างท้องที่โรงพยาบาลเชียงดาวได้ทัน แต่อาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน

 ทั้งนี้ในเอกสารลาตายที่ผู้เป็นพ่อเขียนไว้ 4 ใบ ใบแรก “พ่อขอโทษลูกเมียด้วยที่ตัดสินใจทำแบบนี้ ขอพี่ไผ่และพี่ดวนช่วยอนุเคราะห์ด้วย” , ใบที่ 2 เขียนว่า “ถึงป.สถิตย์,พี่ราวิน,น้องพร,น้องไก่,ขอความเมตตาครอบครัวของผมด้วย ผมไม่โทษใครหรอกครับ ผมทำงานไม่เป็นเอง” , ใบที่ 3 เขียนว่า “ลูกหนิงพ่อขอโทษลูกด้วยที่ส่งลูกเรียนไม่จบ ป.ตรี. ตามที่พ่อหวังใว้ ลูกเป็นคนดีขอให้พระคุ้มครองลูกด้วย ลาก่อน” และใบที่ 4 เขียนว่า “เหตุผลที่เอาลูกหนึ่งไปด้วยเพราะว่าเขาบาดเจ็บมาก ทิ้งลูกไว้ก็จะเป็นภาระให้แม่นิ่ว ลำบากในการดูแลดังนั้นพ่อจึงตัดสินใจเอาลูกหนึ่งไปด้วย”

 ซึ่งทางแพทย์ได้ตรวจศพของผู้เป็นพ่อ พบว่ากินยาพิษชนิดเดียวกันกับที่กรอกปากลูกแล้วแขวนคอตัวเองตาย แต่ลูกที่ป่วยอัมพาตนั้นยังไม่ตาย โดยอาการสาหัส ขณะที่นางผ่องศรี ผู้เป็นแม่ ก็ไปทำงานเข้าเวรกลางคืน เมื่อกลับมาเห็นสภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ถึงกับเป็นลมล้มพับหลายรอบ นำส่งโรงพยาบาลอาการดีขึ้นแล้ว

 ทั้งนี้ลูกชายที่ ป่วยอัมพาตนั้น เกิดจากเมื่อปี 2557 ลูกชาย คือ นายธีรศักดิ์ ได้ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่เชียงใหม่ หลังเลิกงานก็ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพัก เจอเด็กแว้นขับรถไล่ตีกัน และขับมาชนรถนายธีรศักดิ์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส หัวกระแทกพื้นต้องผ่าตัดสมอง และต้องมาพักฟื้นที่บ้าน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เป็นภาระหนักให้กับพ่อแม่ ส่วนคนก่อเหตุชนลูกชายจ่ายเงินให้สามหมื่นบาทแล้วก็หายไป ไม่มาเหลียวแลเลย

 จนต้องให้พ่อแม่รับภาระทุกอย่าง ขณะที่เงินรายได้ก็ไม่มาก แต่ต้องจ่ายทุกอย่าง เงินที่เก็บสะสมไว้ก็ไม่เหลือ ผู้เป็นพ่อจึงตัดสินใจลาตาย พร้อมลูก แต่สุดท้ายลูกกลับอาการสาหัส โดยแพทย์ระบุยาพิษเป็นยาประเภทดูดซึมทำลายระบบภายในหมดแล้ว โอกาสรอดชีวิตค่อนข้างน้อย

  ร.ต.ท.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ประเด็นการผูกคอตายนั้น มีเอกสารและจดหมายแจ้งจากเจ้าตัวว่าทำตัวเอง แต่เรื่องการกรอกยาพิษให้กับบุตรชายนั้น กำลังหาหลักฐานต่างๆ มาประกอบ เพื่อบ่งชี้ว่าพ่อกรอกยาลูกชายจริง ส่วนอาการลูกชายนั้น สาหัสมากเพราะยาพิษเป็นยาประเภทดูดซึมทำลายระบบภายในหมดแล้ว จากการที่ทางแพทย์ได้ตรวจพิสูจน์ และได้ส่งสารพิษที่พบในร่างกายไปให้ทางโรงพยาบาลนครพิงค์โรงพยาบาลประจำ จังหวัดเชียงใหม่ตรวจสอบแล้วว่าจะเป็นสารพิษประเภทใด



ที่มา  :http://www.siamupdate.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น