นางงามสู้ชีวิตเก็บขยะขายหวั่นถูกยึดมงกุฎ ขอโทษจบแค่ม.3กรอกใบสมัครเป็นม.6 เผยอยากประกวดหาเงินมาช่วยแม่เลี้ยงน้อง 3 คน ขณะที่กองประกวดยังปรานีหาทางออกให้
จากกรณี “มิ้นต์ ขนิษฐา ผาแสง”สาวน้อยวัย 17 ปี ที่เพิ่งคว้ามงกุฎมิสอันเซ็นเซอร์นิวส์ไทยแลนด์ Miss Uncensored News Thailand 2015 ที่ห้างอิมพีเรียลสำโรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นเวทีการประกวดที่ไม่เลือกเพศว่าหญิงหรือชาย โดยได้จัดประกวดเป็นครั้งแรก และน้องมิ้นก็ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้เงินสด 30,000 บาทพร้อมมงกุฎ และสายสะพาย และหลังโซเชียลเน็ตเวิรคแชร์กระหน่ำในโลกโซเชียล
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 27 ต.ค.2558 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 15 / 4 หมู่ 5 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวใต้ถุนสูง ขนาดความกว้าง 4 เมตร คูณ 5 เมตร ภายในบ้านมีห้องนอน 1 ห้องขนาดความกว้าง 2 เมตร ยาว 2.50 เมตร ส่วนห้องโถงใหญ่เป็นที่ทำครัวและกองเสื้อผ้ามือสองอยู่รวมกัน พบนางอรทัย พรหมอวน อายุ 42 ปี และน.ส.ขนิษฐา ผาแสง หรือน้องมิ้นต์ สาวน้อยวัย 17 ปีที่เพิ่งคว้ามงกุฎมิสอันเซ็นเซอร์นิวส์ไทยแลนด์ และแม่ลูกกำลังช่วยกันคัดเลือกเสื้อผ้ามือสอง เพื่อเตรียมไปขายตลาดนัดอย่างขมักเขม้น
ทั้งนี้ นางอรทัย และน้องมิ้นต์สองแม่ลูกเห็นผู้สื่อข่าวจึงได้ออกมาต้อนรับที่หน้าบ้าน พร้อมทั้งกล่าวว่า น้องมิ้นเป็นลูกสาวคนโต ปกติจะช่วยเก็บขยะและไปช่วยขายเสื้อผ้ามือสองที่ชาวบ้านให้มาบ้าง ซื้อมาถูกๆบ้าง ไปขายตามตลาดนัด ในราคาตัวละ 20 บาท ก็พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปได้ เพราะต้องส่งลูกชายอีก 3 คนซึ่งกำลังเรียนหนังสืออยู่
นางอรทัยได้ลำดับอดีตให้ฟังว่า บ้านที่พักอาศัยอยู่ปัจจุบันนั้น เป็นบ้านของน้องชายที่ปลูกไว้และให้ตนและครอบครัวมาพักอาศัยอยู่รวมกัน ส่วนน้องชายปลูกกระต๊อบอยู่ติดกันให้อีก 1 หลัง เพื่อเก็บขยะและคัดแยกขยะไปขาย โดยก่อนหน้านี้ตนมีสามีและมีลูก 3 คน มีน้องมิ้นเป็นคนโต และมีน้องชายอีก 2 คน ต่อมาได้เลิกลากับพ่อน้องมิ้นต์ได้ 5 ปีแล้ว และได้มีสามีใหม่ ซึ่งมีอาชีพขับรถส่งของและมีลูกด้วยกันอีก 1 คน ส่วนน้องมิ้นได้ไปพักอาศัยกับน้าชายอีกคนย่านแหลมฟ้าผ่า เพราะนอนรวมกันไม่ได้ห้องนอนมันเล็ก และมีแค่ห้องเดียว
“น้องมิ้นต์จะไปๆมาๆ ส่วนมากจะมาช่วยเก็บขยะไปขาย และช่วยขายเสื้อผ้ามือสองตามตลาดนัด สำหรับน้องมิ้นต์ นั้นได้ออกจากเรียนกลางคันหลังจบชั้นมัธยมปีที่ 2 ที่โรงเรียนมัธยมวัดใหม่สมุทรกิจวิทยาคม เพราะฐานะทางบ้านยากจน ไม่มีเงินส่งให้เรียน หลังจากออกโรงเรียนได้มาช่วยเก็บขยะตามถังขยะ และตามริมถนนที่คนทิ้งนำไปคัดแยกขาย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระเลี้ยงน้องที่กำลังเรียนหนังสือ และด้วยความที่น้องมิ้นต์เป็นคนชอบเรียนหนังสือ จึงได้ไปเรียน กศน.ที่โรงเรียนป้อมนาคราชสวาทยานนท์ จนจบชั้น ม.3” นางอรทัย กล่าาว
นางอรทัย กล่าวต่อว่า ต่อมา“น้องโน” เจ้าของร้านเสื้อผ้าและแต่งหน้า ซึ่งมีร้านอยู่ปากซอยเห็นน้องมิ้นต์ แล้วรู้สึกสงสารที่ไม่ได้เรียนหนังสือ อีกทั้งต้องมาช่วยแม่เก็บขยะขาย เห็นว่าเป็นเด็กดี กตัญญูสู้ชีวิตจึงรับไปอยู่ด้วย และส่งน้องมิ้นต์เข้าประกวดนางงามตามเวทีต่างๆ ซึ่งผ่านมา 3 เวทีแล้ว เพิ่งมาสำเร็จในเวทีมิสอันเซ็นเซอร์นิวส์ไทยแลนด์
ด้านเจ้าของร้านเสริมสวยที่ให้การช่วยเหลือน้องมิ้นต์ กล่าวว่า น้องมิ้นต์เป็นญาติห่างๆกัน เห็นมาตั้งแต่เด็ก รู้สึกรักและเอ็นดูเด็กคนนี้มาก เพราะเป็นคนมีความกตัญญู และไม่อายใครที่ช่วยแม่เก็บขยะขาย และหลังจากไม่ได้เรียนต่อ เพราะฐานะทางบ้านยากจน จึงได้รับมาอยู่ด้วย และส่งเสียให้เรียน กศน.จนจบ ม.3
"ต้องกราบขอโทษสื่อและประชาชนที่ให้ข่าวว่า น้องมิ้นต์จบชั้น ม.6 เพราะตอนสมัครเข้าประกวดนั้น ทางกองประกวดเขาจะรับสมัครคนที่จบชั้น ม.6 ขึ้นไป แต่น้องจบ กศน.ได้วุฒิแค่ ม.3 จึงเขียนในใบสมัครว่าจบชั้น ม.6 เพราะต้องการให้ได้รับสมัคร และเนื่องจากสงสารน้องที่ฐานะทางบ้านยากจน แต่อยากจะช่วยเหลือครอบครัว อะไรที่พอจะได้เงินมาค้ำจุนครอบครัว ก็อยากจะหาให้น้องมิ้นต์ คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ ทางกองประกวดก็โทรมาบอกว่า จะยึดมงกุฎและเงินรางวัลคืน เพราะน้องมิ้นไม่ได้เรียนจบชั้น ม.6 ตามที่เขียนในใบสมัคร แต่ทางกองประกวดก็ให้ทางออกว่า ถ้าสื่อมวลชนเห็นใจน้องมิ้นต์ และประชาชนยอมรับได้
เพราะน้องมิ้นต์ยากจน ไม่มีเงินเรียนต่อ แต่อยากจะหารายได้ช่วยแม่ เป็นเด็กกตัญญู ไม่เที่ยวเตร่เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป ทางกองประกวดก็จะไม่ยึดมงกุฎและเงินสดคืน" เจ้าของร้านเสริมสวย กล่าว
ขณะที่น้องมิ้นต์ที่ไม่เคยอายแม้ที่บ้านจะยึดอาชีพเก็บขยะขายเลี้ยงครอบครัว เปิดเผยทั้งน้ำตานองหน้าว่า “กราบขอโทษพี่ๆสื่อมวลชน และประชาชนที่ให้ความรัก ความเอ็นดูมิ้นต์ ว่าจริงๆแล้วมิ้นต์ไม่ได้จบชั้น ม.6 ตามที่ให้ข่าวไป แต่อยากจะประกวดเพื่อเป็นทางหนึ่งที่จะหารายได้มาช่วยเหลือครอบครัว เพราะที่บ้านยากจนมาก ต้องเก็บขยะขายและหาเงินเลี้ยงน้องๆอีก 3 คนที่กำลังเรียน จึงขอกราบวิงวอนกองประกวดอย่าริบมงกุฎและเงินรางวัลคืนเลย เพราะเงินบางส่วนได้เก็บไว้เป็นค่าเล่าเรียนของน้องๆแล้ว และจากนี้ก็ยังจะยึดอาชีพเก็บขยะขายช่วยแม่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”
ต่อมา นายเฉลิมศักดิ์ จันทร์จีน นายก อบต.ในคลองบางปลากด ได้เดินทางมาเยี่ยมและแสดงความยินดีกับน้องมิ้นต์ พร้อมรับปากว่า จะช่วยส่งเสริมให้ได้เรียนหนังสือต่อ และจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมเพื่อให้ยกย่องว่าเป็นบุคคลตัวอย่างของ อบต.ในคลองบางปลากด ด้วย
ที่มา :http://www.siamupdate.com
ยึดทำไมแค่นี้เองไปเรียนต่อให้จบซะก้อสิ้นเรื่อง
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบให้น้องเขาเถอะค่าบ อย่ายืดเลย
ตอบลบเท่ากับต่อชีวิตของน้องเขา
. . . เพราะชีวิตเราเลือกเกิดไม่ได้ค่าบ สู้ๆค่าบ
ผมเป็นกำลังใจให้
ให้น้องเขาเถอะค่าบ อย่ายืดเลย
ตอบลบเท่ากับต่อชีวิตของน้องเขา
. . . เพราะชีวิตเราเลือกเกิดไม่ได้ค่าบ สู้ๆค่าบ
ผมเป็นกำลังใจให้