18:30
0

วันที่ 12 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา ร.ต.ท.วิศรุต สุขสกุล พงส.สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุมีคนทะเลาะวิวาทแล้วใช้อาวุธมีดแทงกัน จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ซอยแจ่มจันทร์ ถ.ประเสริฐมนูกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีสวัสดิ์ ผกก. พ.ต.ท.คณบดี เลิศอมรศักดิ์ รองผกก.สส. พ.ต.ต.สยาม นรมาตย์ สว.สส. แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู


 ที่เกิดเหตุอยู่ภายในอาคารบีของโรงแรมดังกล่าวเป็นรีสอร์ตสูง 5 ชั้น บริเวณชั้นที่ 5 ห้อง 502 ประตูหน้าห้อง พบศพนายธัชกร เหลืองอุทัย อายุ 28 ปี สภาพสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาว และนายนายกฤษฎา ศรีนรินทรานนท์ อายุ 43 ปี อดีตเจ้าของธุรกิจสถานบันเทิงฯ สภาพไม่สวมเสื้อผ้า ทั้งสองใช้มีดแทงกัน จนมีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง มีเลือดไหลนองตามพื้นห้อง และสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ นอนทับกันอยู่หลังประตูภายในห้องเป็นที่น่าสยดสยอง



 ใกล้ กันพบอาวุธมีดพับ 2 เล่ม จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ในที่เกิดเหตุมี น.ส.ณัฏฐณิชา สวัสดิผล อายุ 23 ปี ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้รับบาดเจ็บ ยืนรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ด้วยอาการช็อก และสั่นกลัว


                 
 พ.ต.อ.นันทชาติ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางโรงแรม พบว่านายกฤษฎา และ น.ส.ณัฏฐณิชา พากันมาเปิดห้อง เมื่อเวลา 21.00 น. กระทั่งเวลา 22.20 น. มีชายสวมเสื้อสีขาวมาเคาะประตู ก่อนจะเดินหายเข้าไปกว่า 15 นาที หลังจากนั้น น.ส.ณัฏฐณิชา วิ่งหนีออกมาจากห้อง โดยที่ชายทั้งสองไม่กลับออกมาอีกเลย



 จาก การสอบสวน น.ส.ณัฏฐณิชา ให้การว่า ตนพบกับนายกฤษฎา ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านเกษตร-นวมินทร์ และคบหากับนายกฤดา มาได้ประมาณ 7-8 เดือนแล้ว ก่อนเกิดเหตุ ตนนอนพักกับนายกฤษฎา อยู่ จู่ๆมีชายคนดังกล่าว ซึ่งตนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ถือมีดบุกเข้ามาในห้อง ตนตกใจจึงวิ่งหนีเข้าห้องน้ำแล้ว ได้ยินเสียงผู้ชายทั้งสองต่อสู้กันเสียงดัง กระทั่งเงียบไป ตนจึงออกมาดู พบเลือดไหลเจิ่งนองเต็มไปหมด และทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว


         
 เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนถึงสาเหตุที่นายธัชกร บุกเข้ามาทำร้ายนายกฤษฎา และ น.ส.ณัฏฐณิชา ถึงในห้อง แต่คาดว่าเป็นเรื่องชู้สาว ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้ง 3 คน ยังไม่แน่ชัด หรืออาจจะมีคนที่ 4 อีกหรือไม่นั้น ต้องทำการสอบปากคำ น.ส.ณัฏฐณิชา อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง



 เวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุด เกิดเหตุและใกล้เคียงก่อน พบว่าเมื่อช่วงเวลา 21.00 น. วันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา นายกฤษฎา พร้อมด้วยน.ส.ณัฏฐณิชา ได้เดินทางเข้ามาเปิดใช้บริการห้องพักภายในรีสอร์ตดังกล่าว โดยใช้รถยนต์ ยี่ห้อเลกซัส สีดำ หมายเลขทะเบียน ฌง 294 กรุงเทพมหานคร เป็นยานพาหนะ ซึ่งนายกฤษฎา ได้สวมเสื้อยืดคอกลม สีส้ม นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว เดินเท้าเข้ามาในตัวอาคารดังกล่าวเพียงผู้เดียว จากนั้นเวลาผ่านไปประมาณ 3-4 นาที ได้เดินออกไปรับน.ส.ณัฏฐณิชา ก่อนทั้งสองจะเดินกลับเข้ามาเพื่อขึ้นห้องพักโดยฝ่ายหญิงถือถุงพลาสติกภายใน บรรจุอาหารเข้ามารับประทานด้วย



 ต่อมาขณะที่ทั้งคู่กำลังพักผ่อนภายในห้องพักได้ประมาณ 1 ช.ม. ก็พบนายธัชกร ใช้เสื้อสีขาวปิดคลุมอำพรางใบหน้า ใส่เสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว พร้อมมือขวาถือมีดพกสั้น แอบลักลอบเดินเข้ามาในตัวอาคารโดยใช้ประตูบันไดหนีไฟเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้อง เกิดเหตุ เมื่อถึงจุดหมายได้ยืนพิงประตูหน้าห้องประมาณ 2 นาที ก่อนใช้เท้าเขี่ยเปิดประตูแอบย่องเดินเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ


 ซึ่งระหว่างนั้นคาดว่านายกฤษฎาเดินเปลือยกายออกมาจากห้องน้ำ หลังทำธุระส่วนตัวเสร็จพอดี กระทั่งเกิดการต่อสู้กันจนเป็นเหตุสลดดังกล่าว โดยเวลาผ่านไป 15 นาที ก็พบน.ส.ณัฏฐณิชา เดินออกมาจากห้องพักก่อนไปตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารดังกล่าว เข้ามาตรวจสอบ โดยได้รับอาการบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณแขนขวาต้องเย็บกว่า 20 เข็ม



 ร.ต.ท.วิศรุต กล่าวว่า จากการตรวจสอบทรัพย์สินของนายกฤษฎา พบว่าขณะเกิดเหตุสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 9 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง จำนวน 3 องค์ 1 ในนั้นคือพระกริ่งหลวงปู่สรวงมูลค่าประมาณ 2 แสนบาท และสร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาท ได้หายไปอย่างลึกลับ โดยรถยนต์คันดังกล่าวยังคงจอดอยู่ตามปกติ



 ทั้งนี้จากการสอบสวนญาติยังทราบว่า น.ส.ณัฏฐณิชา ได้ติดหนี้นายกฤษฎา เป็นเงินสดจำนวนกว่า 2 หมื่นบาท หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ต้องเชิญตัว น.ส.ณัฏฐณิชา อาสาสมัครมูลนิธิ และญาติของผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่ายมาสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อสรุปหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง



 ด้าน พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ตั้งประเด็นหลักไว้ 2 เรื่อง คือชู้สาว และความแค้นส่วนตัว ซึ่งขณะนี้ภรรยาของนายกฤษฎา เดินทางเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมแล้ว จนทราบว่าผู้เสียชีวิต ได้เลิกประกอบอาชีพดังกล่าวแล้วโดยมาทำธุรกิจส่วนตัวแทน หลังจากนี้ต้องประสานทางญาติของนายธัชกร เพื่อมาให้ข้อมูลอีกครั้งโดยเบื้องต้นจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า นายธัชกร มีการปิดบังอำพรางใบหน้าเดินทางเข้ามาที่เกิดเหตุด้วย










ที่มา  : http://www.bigza.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น